Oo~About us~oO
- Qafilatul-Abrar
- เราพร้อมที่จะทำงานเพื่อฟื้นฟูอิสลามภายใต้พันธกิจที่ว่า"จงมุ่งมั่นสู่การปฏิรูปตนเอง และเรียกร้องเชิญชวนผู้อื่นสู่การยอมจำนนต่ออัลลอฮฺ"
วันพุธที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2551
เมื่อวันหนึ่ง...
เมื่อวันหนึ่ง
วันแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง...เราคงรู้สึกอยากแก้ไขอะไรหลายๆอย่างในชีวิตที่ผ่านมา
เรื่องราวในอดีตที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกสนาน...แต่มันกลับขมขื่นยิ่ง ณ วันนั้น
วันที่เราเดินควงแขนกับต่างเพศทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน...วันนั้นเราความสุขเหลือล้น ใจสองเราอยู่ใกล้ชิดกัน
วันที่เราละเลยไม่ใส่ใจกับเวลาของการละหมาด...จนเวลาล่วงเลยผ่านมา เราก็ยังทำเป็นเฉยชา
วันที่หูของเราเคล้าแต่เสียงเพลง...มากกว่าที่มันจะฟังกุรอาน
วันที่ปากของเรากัดกินเนื้อพี่น้องที่ตายไปแล้ว...มากกว่าที่จะเปล่งคำพูดเพื่อตักเตือนกัน
วันที่นิ้วของเราถูกใช้เพื่อกดเบอร์โทรศัพท์หาใครบางคน...มากกว่าที่มันจะขยับลูกตัสเบี๊ยะ
วันที่สองเท้าของเราย่ำเข้าไปในโรงหนังทุกอาทิตย์...มากกว่าที่มันจะถูกย่ำไปมัสยิดตลอดเวลา
วันที่สองมือของเราถูกขยับเพื่อใช้แช้ทกับเพื่อนข้ามคืนอย่างไร้สาระ...มากกว่าจะถูกหยิบจับเพื่อการบริจาค
วันที่น้ำตาของเราถูกหลั่งเพื่อดูบทพระเอกพร่ำกับนางเอกก่อนตาย...มากกว่าที่มันจะถูกหลั่งกับการเกรงกลัว
อัลเลาะฮ์ และยำเกรงต่อพระองค์
* * * * * *
วันนี้ของเรา...ยังไม่ถึงวันนั้น
วันที่ท่านจะไม่พูดอะไรนอกจากเท้าและมือของท่านจะเป็นผู้ตอบ
ท่านยังมีเวลาที่จะกลับตัว เตาบัต
แก้ไขในวันข้างหน้าให้อยุ่บนเส้นทางที่เที่ยงธรรม
อย่า...หลอกตัวเองว่า อีกนานความตายจะมาถึง
อย่า...หลับตา โดยที่ยังไม่คิดว่าพรุ่งนี้ท่านอาจจะไม่ตื่น
อย่า...ทำเป็นรู้ดีว่าตอนนี้ท่านทำความดีมามากพอแล้ว
อย่า...เดินผ่านกุโบร์ โดยที่ท่านไม่เหลียวมองมันเลยว่า วันหนึ่งท่านต้องอยู่ในนั่น
วันแห่งการฟื้นคืนชีพใกล้มาถึงแล้ว
โลกกลมๆเบี้ยวๆใบนี้ แก่มากแล้ว เหนื่อยมากแล้ว
อีกไม่นานก็ต้องดับสูญ... แต่มนุษย์ยังต้องตื่นอีกครา
เพื่อจะถูกเรียกมาสอบสวนและให้ผลตอบแทนกับสิ่งที่ตนกระทำไว้ในดุนยา
เป็นวันซึ่งไม่มีใครช่วยใครได้เลย...
“ จงเกรงกลัววันหนึ่ง ซึ่งวันนั้นไม่มีใครสามารถที่จะช่วยใครได้แต่อย่างใดและการไถ่โทษแทนจากใครก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ การขอไถ่แทนก็จะไม่เป็นประโยชน์กับใคร และ ผู้ที่ทำผิดทั้งหลายก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ ”
อัลบากอเราะฮฺ : 123
วันแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง...เราคงรู้สึกอยากแก้ไขอะไรหลายๆอย่างในชีวิตที่ผ่านมา
เรื่องราวในอดีตที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สนุกสนาน...แต่มันกลับขมขื่นยิ่ง ณ วันนั้น
วันที่เราเดินควงแขนกับต่างเพศทั้งที่ยังไม่ได้แต่งงาน...วันนั้นเราความสุขเหลือล้น ใจสองเราอยู่ใกล้ชิดกัน
วันที่เราละเลยไม่ใส่ใจกับเวลาของการละหมาด...จนเวลาล่วงเลยผ่านมา เราก็ยังทำเป็นเฉยชา
วันที่หูของเราเคล้าแต่เสียงเพลง...มากกว่าที่มันจะฟังกุรอาน
วันที่ปากของเรากัดกินเนื้อพี่น้องที่ตายไปแล้ว...มากกว่าที่จะเปล่งคำพูดเพื่อตักเตือนกัน
วันที่นิ้วของเราถูกใช้เพื่อกดเบอร์โทรศัพท์หาใครบางคน...มากกว่าที่มันจะขยับลูกตัสเบี๊ยะ
วันที่สองเท้าของเราย่ำเข้าไปในโรงหนังทุกอาทิตย์...มากกว่าที่มันจะถูกย่ำไปมัสยิดตลอดเวลา
วันที่สองมือของเราถูกขยับเพื่อใช้แช้ทกับเพื่อนข้ามคืนอย่างไร้สาระ...มากกว่าจะถูกหยิบจับเพื่อการบริจาค
วันที่น้ำตาของเราถูกหลั่งเพื่อดูบทพระเอกพร่ำกับนางเอกก่อนตาย...มากกว่าที่มันจะถูกหลั่งกับการเกรงกลัว
อัลเลาะฮ์ และยำเกรงต่อพระองค์
* * * * * *
วันนี้ของเรา...ยังไม่ถึงวันนั้น
วันที่ท่านจะไม่พูดอะไรนอกจากเท้าและมือของท่านจะเป็นผู้ตอบ
ท่านยังมีเวลาที่จะกลับตัว เตาบัต
แก้ไขในวันข้างหน้าให้อยุ่บนเส้นทางที่เที่ยงธรรม
อย่า...หลอกตัวเองว่า อีกนานความตายจะมาถึง
อย่า...หลับตา โดยที่ยังไม่คิดว่าพรุ่งนี้ท่านอาจจะไม่ตื่น
อย่า...ทำเป็นรู้ดีว่าตอนนี้ท่านทำความดีมามากพอแล้ว
อย่า...เดินผ่านกุโบร์ โดยที่ท่านไม่เหลียวมองมันเลยว่า วันหนึ่งท่านต้องอยู่ในนั่น
วันแห่งการฟื้นคืนชีพใกล้มาถึงแล้ว
โลกกลมๆเบี้ยวๆใบนี้ แก่มากแล้ว เหนื่อยมากแล้ว
อีกไม่นานก็ต้องดับสูญ... แต่มนุษย์ยังต้องตื่นอีกครา
เพื่อจะถูกเรียกมาสอบสวนและให้ผลตอบแทนกับสิ่งที่ตนกระทำไว้ในดุนยา
เป็นวันซึ่งไม่มีใครช่วยใครได้เลย...
“ จงเกรงกลัววันหนึ่ง ซึ่งวันนั้นไม่มีใครสามารถที่จะช่วยใครได้แต่อย่างใดและการไถ่โทษแทนจากใครก็จะไม่เป็นที่ยอมรับ การขอไถ่แทนก็จะไม่เป็นประโยชน์กับใคร และ ผู้ที่ทำผิดทั้งหลายก็จะไม่ได้รับการช่วยเหลือ ”
อัลบากอเราะฮฺ : 123
วันอังคารที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2551
โอ้...ชนแห่งปัจจัยที่สมบูรณ์เอ๋ย
ช่วยบอกทีว่าทำไม ?
****ควรบริโภคอาหารตามหลักโภชนาการ เพราะ “อาหาร” มีผลต่อการพัฒนาการทางด้านร่างกาย,สติปัญญา และจิตใจของมนุษย์ -**
แต่เชื่อไหม !?
...บ่อยครั้งที่ “ ชนแห่งยุคชัยชนะ” ในสมัยท่านรอซูล ได้รับประทานเพียงขนม ปังก้อนแข็ง เนื้อหยาบเพียงน้อยนิด
...บ่อยครั้งที่ “ชนแห่งยุคชัยชนะ”ในสมัยท่านรอซูล ต้องเลือกตัดสินใจถือศีลอดในยามเช้าของวัน เพราะตื่นขึ้นมาพบเจอแต่ความว่างเปล่าของ ปัจจัยในห้องครัว...ไม่มีอาหารเหลือเก็บไว้ให้รับประทานแม้แต่น้อย
...บ่อยครั้ง...บ่อยครั้ง และ บ่อยครั้ง กับอาหารเพียงน้อยนิด...จนบางทีต้องคอยเอาก้อนหินถ่วงไว้กับช่วงท้อง...เพื่อให้รู้สึกว่าท้องได้หนักขึ้นมาบ้าง...เพื่อให้ยังชีพอยู่ได้ในเวลานั้น.!
ฉะนั้น...ช่างริบหรี่เหลือเกิน....สำหรับ “ชนแห่งยุคชัยชนะ” กับอาหารตามหลักโภชนาการที่สมบูรณ์พรั่งพร้อมในแต่ละวัน!!!
แต่ทำไม!? ...ร่างกายของพวกเขาจึงมีเรี่ยวแรง...เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง...สามารถต่อสู้กับศัตรูของอัลลอฮฺได้จนชนะครั้งแล้วครั้งเล่า!
...สติปัญญาของพวกเขา...จึงเฉียบแหลม รู้จักคิดใคร่ครวญ และหาวิธีการเผยแผ่ศาสนาของอัลลอฮฺจนแพร่สะพัดไปทั่วทุกมุมโลก!
...จิตใจของพวกเขาจึงมั่นคงดั่งภูผา...มีความตักวาเป็นเลิศ!
...จิตวิญญาณของพวกเขาสงบ...เปี่ยมสุข...มีความบรรเจิดเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า!
อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร!!!
แล้ว “ชนแห่งยุคของเราล่ะ” !?
“ศรัทธาชน” !!!
...ทั้งที่บริโภคอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ ตามหลักโภชนาการ จนอิ่มหนำ.!
...ทั้งที่การเป็นอยู่...ห้องหับ...ที่หลับที่นอน...มีพรั่งพร้อมให้พักผ่อนจนหายเหนื่อย...จนเหนื่อยจะนอน.
...ทั้งที่.!..ทั้งที่.!..ทั้งที่.!.. ทุกอย่างสมบูรณ์พร้อม...สนองความสุขสบายทั้งกายและใจ !
แต่ทำไม!?
ร่างกายของเราถึงช่างอ่อนแอ...ไร้พลัง...ไร้เรี่ยวแรงในการที่จะ ต่อสู้...ในการที่จะทำงานเพื่ออิสลาม!
แต่ทำไม!? สติปัญญาของเราถึงได้โฉดเขลา...คิดไม่ออกว่าแต่ละวัน แต่ละเวลา เราต้องทำอะไรบ้าง.!?.ทำเพื่อผู้ใด.!?..และผู้ใดที่เราต้องถวาย ชีวิตให้ !?
แต่ทำไม !? จิตใจของเราถึงไขว้เขว...ไม่ผ่องแผ้ว...ไม่มั่นคง จนบ่อยครั้งที่ ต้องยอมจำนนแก่นัฟซูและชัยฏอน.
และ ทำไม !? จิตวิญญาณเราถึงป่วยไข้ - ได้ขนาดนี้ !!!???
ตอบหน่อยได้ไหม !? “ ชนแห่งยุคปัจจัยสมบูรณ์ ”
ตอบหน่อยได้ไหม...ว่าทำไม !?
วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2551
ความตายเป็นสิ่งที่ไม่สามารถกำหนดได้
ขณะที่เล่นฟุตบอลร่างกายยังแข็งแรง แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่ออัลลอฮฺ ทำให้เขาตายในขณะที่เขาแข็งแรงอยู่
...ไฉนเล่า เรายังมั่วอยู่กับการเล่นเกมอย่างเมามัน
...ไฉนเล่า เรายังมั่วอยู่กับการฟังเพลงอย่างสนุกสนาน
...ไฉนเล่า เราไม่ลุกขึ้นมาเตาบัตในยามดึก แทนการลุกขึ้นมาดูฟุตบอล
...ไฉนเล่า เรายังไม่ลุกขึ้นมาสู้เพื่ออิสลาม
...ไฉนเล่า เรายังปล่อยปะละเลยในสิ่งต้องถูกสอบสวนในวันอาคีรัต...
แล้วอะไรเล้าที่เราไปตอบอัลลอฮฺในวันนั้น...
"จงทำงานเพื่ออาคีรัตเสมือนว่าท่านจะตายในวันพรุ่งนี้
และจงทำงานเพื่อดุนยาเสมือนว่าเราจะมีชีวิตอยู่ตลอดไป"
"แท้จริงพวกเรา เป็นกรรมสิทธิ์ของอัลลอฮ์ และแท้จริงพวกเราจะกลับไปยังพระองค์" (2:156)
วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2551
สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “แฟน”
ด้วยพระนามของอัลลอฮผู้ทรงเมตตากรุณา ผู้ทรงปราณีเสมอ
ชื่อสามัญ : แฟน(Fan)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : คนรู้ใจ, คนพิเศษ, คนรัก
ลักษณะทั่วไป : เป็นบุคคลพิเศษที่มีความสำคัญ ต้องโทรหาทุกวัน คุยกันบ่อยๆ ชวนไปกินข้าว/ดูหนัง/ไปเที่ยวด้วย
กันการดูแลรักษา : ให้ความรัก ความห่วงใยอย่างสม่ำเสมอ ดูแลอย่างใกล้ชิด คิดถึงตลอดเวลา
จากการวิจัย : พบว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมทั่วทุกมุมโลก เป็นแฟชั่นที่กำลังมาแรงแซงทางโค้ง ซึ่งจากการวิจัยพบว่ามันกลายพันธุ์มาจากเพื่อนสนิทและมีแนวโน้มกลายพันธุ์เป็นกิ๊กต่อไป
ต่อไปคำเตือน : สังคมมุสลิมเป็นเขตปลอดสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ แต่กลับพบว่ายังมีหนุ่มสาวอีกหลายคน ที่แอบนำเข้ามาเลี้ยงอย่างเงียบๆไม่ให้ใครรู้ แต่เขาคงลืมไปแล้วว่าทุกความเคลื่อนไหวของเขา มีผู้ทรงรู้ ผู้ทรงเห็น..ทุกการกระทำและทุกความคิด เขาไม่เชื่อในผู้ทรงสร้างของเขาหรอกหรือว่า พระองค์ทรงเตรียม “คู่แท้” ที่เหมาะสมกับเขาไว้แล้ว เขาจึงได้ออกตามหา.. ซึ่งไม่รู้ว่าการกระทำดังกล่าวนี้จะคุ้มค่าหรือขาดทุน? จงภูมิใจในความเป็นประชาชาติตัวอย่างที่ไม่เดินตามความเสื่อมทรามของสังคมเถอะ.. ทิ้งซะ!!…สิ่งมีชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ เพราะหากเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮแล้ว แค่ใบไม้ใบเดียว คุณก็อาจพบกับ“คู่แท้..” ที่จะกลายมาเป็นคู่ชีวิตของคุณ… ที่ผ่านมาให้แล้วกันไป เตาบัตซะ....หรือ ใครมีแล้วก็ไปขอแต่งงานซะทำอะไรจะได้สบายใจ
ชื่อสามัญ : แฟน(Fan)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : คนรู้ใจ, คนพิเศษ, คนรัก
ลักษณะทั่วไป : เป็นบุคคลพิเศษที่มีความสำคัญ ต้องโทรหาทุกวัน คุยกันบ่อยๆ ชวนไปกินข้าว/ดูหนัง/ไปเที่ยวด้วย
กันการดูแลรักษา : ให้ความรัก ความห่วงใยอย่างสม่ำเสมอ ดูแลอย่างใกล้ชิด คิดถึงตลอดเวลา
จากการวิจัย : พบว่าสิ่งมีชีวิตชนิดนี้กำลังเป็นที่นิยมทั่วทุกมุมโลก เป็นแฟชั่นที่กำลังมาแรงแซงทางโค้ง ซึ่งจากการวิจัยพบว่ามันกลายพันธุ์มาจากเพื่อนสนิทและมีแนวโน้มกลายพันธุ์เป็นกิ๊กต่อไป
ต่อไปคำเตือน : สังคมมุสลิมเป็นเขตปลอดสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ แต่กลับพบว่ายังมีหนุ่มสาวอีกหลายคน ที่แอบนำเข้ามาเลี้ยงอย่างเงียบๆไม่ให้ใครรู้ แต่เขาคงลืมไปแล้วว่าทุกความเคลื่อนไหวของเขา มีผู้ทรงรู้ ผู้ทรงเห็น..ทุกการกระทำและทุกความคิด เขาไม่เชื่อในผู้ทรงสร้างของเขาหรอกหรือว่า พระองค์ทรงเตรียม “คู่แท้” ที่เหมาะสมกับเขาไว้แล้ว เขาจึงได้ออกตามหา.. ซึ่งไม่รู้ว่าการกระทำดังกล่าวนี้จะคุ้มค่าหรือขาดทุน? จงภูมิใจในความเป็นประชาชาติตัวอย่างที่ไม่เดินตามความเสื่อมทรามของสังคมเถอะ.. ทิ้งซะ!!…สิ่งมีชีวิตที่ไม่พึงประสงค์ เพราะหากเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮแล้ว แค่ใบไม้ใบเดียว คุณก็อาจพบกับ“คู่แท้..” ที่จะกลายมาเป็นคู่ชีวิตของคุณ… ที่ผ่านมาให้แล้วกันไป เตาบัตซะ....หรือ ใครมีแล้วก็ไปขอแต่งงานซะทำอะไรจะได้สบายใจ
เจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ใหม่ของโลก
1) ทำไมแม่ชีคริสเตียนจึงแต่งกายปกปิดร่างกาย ตั้งแต่ศีรษะจนจรดปลายเท้า
-จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อุทิศตนต่อพระเจ้า
-แต่เมื่อผู้หญิงมุสลิมแต่งกายตามแบบอิสลามบ้าง
-เธอกลับถูกเรียกว่าเป็นผู้ถูกกดขี่ ?
2) ทำไมชาวยิวจึงไว้หนวดไว้เครา
-และได้รับการถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามหลักศาสนา
-แต่เมื่อมุสลิมทำบ้าง
-กลับถูกหาว่าเป็นพวกหัวรุนแรง ?
3) ทำไมเมื่อผู้หญิงตะวันตกอยู่บ้าน เพื่อดูแลบ้านและลูกๆ
-เธอคือผู้เสียสละและทำดีต่อต่อครอบครัว
-แต่เมื่อผู้หญิงมุสลิมอยู่บ้าน
-กลับมีคนพูดว่า เธอจะต้องได้รับการปลดปล่อย ?
4) ทำไมเมื่อเด็กคนหนึ่งคนใดสนใจในวิชาที่เรียน
-เด็กคนนั้นได้ชื่อว่าเป็นเด็กที่มีศักยภาพ
-แต่เมื่อเด็กมุสลิมอุทิศตนศึกษาอิสลาม
-เขากลับกลายเป็นเด็กที่สิ้นหวัง ?
5) ทำไมเมื่อชาวคริสเตียนฆ่าใครบางคน
-ไม่มีใครอ้างถึงศาสนา (เช่น กรณีของ ไอ.อาร์.เอ. หรือ ทิโมธี แมกเวย์)
-แต่เมื่อมุสลิม ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากร
-อิสลามกลับกลายเป็นผู้ต้องหาขึ้นมาทันที ?
6) ทำไมการทำชู้ โสเภณีและการรักร่วมเพศ
-ถูกถือว่าเป็นเพียงเสรีภาพทางเพศในตะวันตก
-แต่เมื่อมีการพูดว่าในอิสลาม ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคน
-กลับมีคนถือว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ?
7) ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมอิสลามจึงเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ?
> -----------------------> > ^_^^_^^_^
-จึงได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้อุทิศตนต่อพระเจ้า
-แต่เมื่อผู้หญิงมุสลิมแต่งกายตามแบบอิสลามบ้าง
-เธอกลับถูกเรียกว่าเป็นผู้ถูกกดขี่ ?
2) ทำไมชาวยิวจึงไว้หนวดไว้เครา
-และได้รับการถือว่าเป็นผู้ปฏิบัติตามหลักศาสนา
-แต่เมื่อมุสลิมทำบ้าง
-กลับถูกหาว่าเป็นพวกหัวรุนแรง ?
3) ทำไมเมื่อผู้หญิงตะวันตกอยู่บ้าน เพื่อดูแลบ้านและลูกๆ
-เธอคือผู้เสียสละและทำดีต่อต่อครอบครัว
-แต่เมื่อผู้หญิงมุสลิมอยู่บ้าน
-กลับมีคนพูดว่า เธอจะต้องได้รับการปลดปล่อย ?
4) ทำไมเมื่อเด็กคนหนึ่งคนใดสนใจในวิชาที่เรียน
-เด็กคนนั้นได้ชื่อว่าเป็นเด็กที่มีศักยภาพ
-แต่เมื่อเด็กมุสลิมอุทิศตนศึกษาอิสลาม
-เขากลับกลายเป็นเด็กที่สิ้นหวัง ?
5) ทำไมเมื่อชาวคริสเตียนฆ่าใครบางคน
-ไม่มีใครอ้างถึงศาสนา (เช่น กรณีของ ไอ.อาร์.เอ. หรือ ทิโมธี แมกเวย์)
-แต่เมื่อมุสลิม ถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากร
-อิสลามกลับกลายเป็นผู้ต้องหาขึ้นมาทันที ?
6) ทำไมการทำชู้ โสเภณีและการรักร่วมเพศ
-ถูกถือว่าเป็นเพียงเสรีภาพทางเพศในตะวันตก
-แต่เมื่อมีการพูดว่าในอิสลาม ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้มากกว่าหนึ่งคน
-กลับมีคนถือว่าเป็นเรื่องน่ารังเกียจ ?
7) ถึงขนาดนี้แล้ว ทำไมอิสลามจึงเป็นศาสนาที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก ?
> -----------------------> > ^_^^_^^_^
เมื่ออิสลามอยู่ที่....
เมื่ออิสลามอยู่ที่ท่อนขา...เส้นทางไปมัสยิดจะเป็นที่ดึงดูดแก่เรามากกว่าเส้นทางไปร้านเกมส์
เมื่ออิสลามอยู่ที่อ้อมแขน...การแบ่งปันจะเป็นที่มุ่งหวังของเรามากกว่าการกอบโกย
เมื่ออิสลามอยู่ที่ปลายนิ้ว...การนับคำซิกรุลลอฮฺจะเป็นที่คุ้นเคยแก่เรามากกว่าการกดเบอร์
โทรศัพท์ของใครคนนั้น
เมื่ออิสลามอยู่ที่หน้าท้อง...อาหารของพี่น้องมุสลิมจะเป็นที่โอชารสแก่เรามากกว่าอาหารของ
ผู้ที่ฆ่าพี่น้องมุสลิม
เมื่ออิสลามอยู่ที่กระดูกสันหลัง...ที่อยู่อาศัยในโลกหน้าจะเป็นที่หวังพักพิงของเรามากกว่าที่อยู่
อาศัยในโลกนี้
เมื่ออิสลามอยู่ที่คอหอย...ความตายจะเป็นที่ระลึกถึงของเรามากกว่าการมีชีวิตอยู่.
เมื่ออิสลามอยู่ที่ริมฝีปาก...คำพูดอันอ่อนโยนจะเป็นที่คุ้นชืนแก่เรามากกว่าคำด่าทอ
เมื่ออิสลามอยู่ที่ฟันกราม...ความอดกลั้นต่ออุปสรรคที่มาประสบจะเป็นที่เพิ่มพูนแก่เรามากกว่า
ความท้อแท้
เมื่ออิสลามอยู่ที่ใบหู...เสียงกุรอานจะเป็นที่รื่นรมย์แก่เรามากกว่าเสียงดนตรี
เมื่ออิสลามอยู่ที่ใบหน้า...กิบลัตจะเป็นที่ผินหน้าของเรามากกว่าจอโทรทัศน์
เมื่ออิสลามอยู่ที่ศรีษะ...ความนอบน้อมจะเป็นสิ่งที่เราแสดงออกมากกว่าความโอหัง
เมื่ออิสลามอยู่ในดวงตา...ความตายของพี่น้องมุสลิมในดินแดนที่ถูกกดขี่จะเป็นที่หลั่งน้ำตาของเรา
มากกว่าความตายของตัวละครในภาพยนตร์
เมื่ออิสลามอยู่ในสำนึก...ปัญหาของประชาชาติอิสลามจะเป็นที่ขบคิดของเรามากกว่าปัญหาของตัวเอง
เมื่ออิสลามอยู่ในหัวใจ...ความรักที่มีต่ออัลลอฮฺจะเป็นที่อิ่มเอิบแก่เรามากกว่าความรักใดใด
เมื่ออิสลามอยู่ในชีวิต...การใช้ชีวิตเพื่ออิสลามจะเป็นที่พอเพียงแก่เรามากกว่าทุกสิ่งที่บรรจุอยู่
ในโลกดุนยา
By Qafilatul-Abrar
เมื่ออิสลามอยู่ที่อ้อมแขน...การแบ่งปันจะเป็นที่มุ่งหวังของเรามากกว่าการกอบโกย
เมื่ออิสลามอยู่ที่ปลายนิ้ว...การนับคำซิกรุลลอฮฺจะเป็นที่คุ้นเคยแก่เรามากกว่าการกดเบอร์
โทรศัพท์ของใครคนนั้น
เมื่ออิสลามอยู่ที่หน้าท้อง...อาหารของพี่น้องมุสลิมจะเป็นที่โอชารสแก่เรามากกว่าอาหารของ
ผู้ที่ฆ่าพี่น้องมุสลิม
เมื่ออิสลามอยู่ที่กระดูกสันหลัง...ที่อยู่อาศัยในโลกหน้าจะเป็นที่หวังพักพิงของเรามากกว่าที่อยู่
อาศัยในโลกนี้
เมื่ออิสลามอยู่ที่คอหอย...ความตายจะเป็นที่ระลึกถึงของเรามากกว่าการมีชีวิตอยู่.
เมื่ออิสลามอยู่ที่ริมฝีปาก...คำพูดอันอ่อนโยนจะเป็นที่คุ้นชืนแก่เรามากกว่าคำด่าทอ
เมื่ออิสลามอยู่ที่ฟันกราม...ความอดกลั้นต่ออุปสรรคที่มาประสบจะเป็นที่เพิ่มพูนแก่เรามากกว่า
ความท้อแท้
เมื่ออิสลามอยู่ที่ใบหู...เสียงกุรอานจะเป็นที่รื่นรมย์แก่เรามากกว่าเสียงดนตรี
เมื่ออิสลามอยู่ที่ใบหน้า...กิบลัตจะเป็นที่ผินหน้าของเรามากกว่าจอโทรทัศน์
เมื่ออิสลามอยู่ที่ศรีษะ...ความนอบน้อมจะเป็นสิ่งที่เราแสดงออกมากกว่าความโอหัง
เมื่ออิสลามอยู่ในดวงตา...ความตายของพี่น้องมุสลิมในดินแดนที่ถูกกดขี่จะเป็นที่หลั่งน้ำตาของเรา
มากกว่าความตายของตัวละครในภาพยนตร์
เมื่ออิสลามอยู่ในสำนึก...ปัญหาของประชาชาติอิสลามจะเป็นที่ขบคิดของเรามากกว่าปัญหาของตัวเอง
เมื่ออิสลามอยู่ในหัวใจ...ความรักที่มีต่ออัลลอฮฺจะเป็นที่อิ่มเอิบแก่เรามากกว่าความรักใดใด
เมื่ออิสลามอยู่ในชีวิต...การใช้ชีวิตเพื่ออิสลามจะเป็นที่พอเพียงแก่เรามากกว่าทุกสิ่งที่บรรจุอยู่
ในโลกดุนยา
By Qafilatul-Abrar
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)